เมนู

3. ปธานสูตร


ว่าด้วยสัมมัปปธาน 4


[13] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัมมัปปธาน (ความเพียรชอบ) 4 นี้
สัมมัปปธาน 4 คืออะไร คือ ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
1. ยังฉันทะให้เกิดพยายามทำความเพียร ประคองจิตตั้งใจมั่นเพื่อ
ยังอกุศลบาปธรรมที่ยังไม่เกิดมิให้เกิดขึ้น
2. ยังฉันทะให้เกิดพยายามทำความเพียร ประคองจิตตั้งใจมั่นเพื่อ
ละอกุศลบาปธรรมที่เกิดแล้ว
3. ยังฉันทะให้เกิดพยายามทำความเพียร ประคองจิตตั้งใจมั่นเพื่อ
ยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น
4. ยังฉันทะให้เกิดพยายามทำความเพียร ประคองจิตตั้งใจมั่นเพื่อ
ให้กุศลธรรมที่เกิดแล้วคงอยู่ไม่เลือนหายไป ให้ภิยโยภาพไพบูลเจริญเต็มที่
ภิกษุทั้งหลาย นี้แล สัมมัปปธาน 4.
ภิกษุเหล่านั้นมีความเพียรชอบย่อม
ครอบงำเสียได้ซึ่งแดนมาร ภิกษุเหล่านั้น
เป็นผู้อันกิเลสไม่อาศัย แล้วพ้นภัย คือ เกิด
ตายแล้ว ถึงฝั่ง (คือพระนิพพาน) ภิกษุ
เหล่านั้นสบายใจ ชนะมารกับทั้งพล-
พาหนะมารแล้ว ภิกษุเหล่านั้นเป็นผู้ไม่
หวั่นไหว ล่วงเสียซึ่งมารและพลมาร
ทั้งปวง ถึงซึ่งความสุข.

จบปธานสูตรที่ 3

อรรถกถาปธานสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในปธานสูตรที่ 3 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า สมฺมปฺปธานานิ ได้แก่ ความเพียรดี คือความเพียรสูงสุด.
บทว่า สมฺมปฺปธานา ได้แก่ พระขีณาสพผู้มีความเพียรบริบูรณ์. บทว่า
มารเธยฺยาภิภูตา ความว่า พระขีณาสพเหล่านั้น ครอบงำข้ามแดนมาร คือ
เตภูมิกวัฎ. บทว่า เต อสิตา ได้แก่ พระขีณาสพทั้งหลายเป็นผู้อันกิเลส
ไม่อาศัยแล้ว. บทว่า ชาติมรณภยสฺส ได้แก่ ภัยที่เกิดขึ้นเพราะอาศัย
ความเกิดและความตาย หรือภัยกล่าวคือความเกิดและความตาย. บทว่า ปารคู
แปลว่า ถึงฝั่ง. บทว่า เต ตุสิตา ความว่า พระขีณาสพเหล่านั้น ชื่อว่า
ยินดีแล้ว. บทว่า เชตฺวา มารํ สวาหนํ ได้แก่ ชนะมารกับทั้งกองทัพ
อยู่แล้ว. บทว่า เต อเนชา ความว่า พระขีณาสพเหล่านั้น ไม่หวาดหวั่น
ด้วยความหวาดหวั่นคือตัณหา ชื่อว่า ไม่หวั่นไหว. บทว่า นมุจิพลํ แปลว่า
พลของมาร. บทว่า อุปาติวตฺตา แปลว่า ก้าวล่วง. บทว่า เต สุขิตา
ได้แก่ พระขีณาสพเหล่านั้น ชื่อว่าความสุขด้วยโลกุตรสุข. ด้วยเหตุนั้น
ท่านจึงกล่าวว่า
พระอรหันตทั้งหลายสุขจริงหนอ
ท่านไม่มีตัณหา ถอนอัสมิมานะได้เด็ดขาด
แล้ว ทำลายข่ายคือโมหะเสียแล้ว ดังนี้.

จบอรรถกถาปธานสูตรที่ 3